หมวด ศาลพระภูมิหินอ่อน + ศาลตายายหินอ่อน
ศาลพระภูมิหินอ่อน ขนาดใหญ่ ทรงปราสาท ขนาด ฐานกว้าง 107 ยาว 107 สูง 250 เซนติเมตร
ตัวเรือน กว้าง 50 ยาว 50 สุง 130 เซนติเมตร
ศาลพระภูมิหินอ่อน
ประวัติ พระภูมิมีพระบิดาเป็นกษัตริย์ นามว่า พระเจ้าทศราช พระมารดานามว่า พระนางสันธาทุกกะเทวี ครองกรุงพาลี ประสูติพระราชโอรส ๙ พระองค์ เมื่อพระโอรสมีชันษาเจริญวัย มีพระปรีชาสามารถ พระองค์จึงให้พระโอรสที่ ๙ องค์ ไปครองภูมิสถานต่างๆ ครั้นต่อมาพระเจ้ากรุงพาลีมีนิสัยไม่ดีไม่อยู่ในทศพิธราชธรรม ใช้ให้พระโอรสทั้ง ๙ องค์ ไปกลั่นแกล้งประชาชน ทำให้ประชาชนเดือดร้นทนทุกข์เวทนา ร้อนถึงพระนารายณ์จึงต้องแปลงตัวลงมาเป็นพราหมณ์น้อย มาขอที่อยู่กับเจ้ากรุงพาลีเพียง ๓ ก้าว เพื่อจะบำเพ็ญพรต เจ้ากรุพาลีมิได้ตรึกตรองจึงทรงอนุญาตให้
กล่าวถึงพระศุกร์ผู้เป็นอาจารย์ของเจ้ากรุงพาลี เล็งญาณรู้ว่าพระนารายณ์แปลงองค์มา จึงเนรมิตตัวให้เล็กลงแล้วเข้าไปนอนขวางในพระเต้าที่ใช้หลั่งน้ำอุทกธารา เพื่อมิให้น้ำไหลออกมา พระนารายณ์เกิดความสงสัยว่าทำไมน้ำอุทกธาราไม่ไหล เล็งญาณรู้จึงใช้หญ้าคาแทงเข้าไปในรูพระเต้า บังเอิญหญ้าคาไปถูกลูกนัยน์ตาของพระศุกร์จนได้รับความเจ็บปวด จนโดดหนีออกมาจากพระเต้า น้ำอุกทกธาราก็หลั่งไหลออกมาได้ เป็นการสำเร็จการขอสถานที่อยู่ พระนารายณ์จึงแปลงกายเป็นร่างเดิม แล้วย่างก้าวเพียง ๒ ก้าว ก็หมดเขตพระธรณีกรุงพาลี เจ้ากรุพาลีโดนดัดสันดานให้ไร้ที่อยู่อาศัยโดนไล่ออกจากกรุงพาลีออกนอกป่าหิมพานต์
เจ้ากรุงพาลีและครอบครัวได้รับความลำบาก รับทุกข์เวทนา สำนึกผิด จึงตัดสินใจเข้าเฝ้าพระนารายณ์ทูลขอที่ดินคืน พระนารายณ์เกิดความสงสารจึงได้ตักเตือน อบรมสั่งสอนให้อยู่ในศีลธรรม มีความเมตตากรุณา เจ้ากรุพาลีรับปาก และกราบทูลอีกว่า หากประชาชนทั่วไปจะให้ข้าพเจ้ารักษาเคหะสถานบ้านเรือนแล้ว ขอให้ปลูกเป็นศาลเล็กๆ มีเสาต้นเดียวก็พอ จะได้ขึ้นพักอาศัยและคอยรักษาเคหะสถานบ้านเรือนของประชาชนทั่วไป พระนารายณ์ฟังว่ามีเหตุผลดี จึงทรงอนุญาตให้เข้าอาศัยอยู่ตามเดิม
ดังนั้นการตั้งศาลพระภูมิจึงทำเพื่อความเป็นสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น อยู่เย็นเป็นสุข และปกป้องภัยอันตรายทั้งปวง จึงนิยมตั้งกันมาจนทุกวันนี้