สอนทำเครปญี่ปุ่น

HOT PROMOTION

สอนทำเครปญี่ปุ่น เครปร้อน-เครปเย็น สอนตัวต่อตัว (คนเดียวก็เรียนได้)

** ค่าเรียนเครปเย็น ราคาพิเศษ 1,800 บาท จากราคาปกติ 3,900 บาท **

** ค่าเรียนเครปร้อน ราคาพิเศษ 1,800 บาท จากราคาปกติ 3,900 บาท **

เรียน 2 อย่างพร้อมกัน เครปร้อน + เครปเย็น พิเศษเพียง 3,000 บาทเท่านั้น

เตรียมอุปกรณ์และวัตถุดิบให้พร้อมทุกอย่าง รับรองว่าเรียนจบแล้วสามารถเปิดร้านได้

หัวข้อที่สอน

• ความรู้ทั่วไปและหลักการพื้นฐานในการทำเครปญี่ปุ่น (Japanese Crepe)

• การเลือกวัตถุดิบและการเก็บรักษาวัตถุดิบให้ใช้ได้นาน และยังคงคุณภาพ

• สอนวิธีทำการทำเครปญี่ปุ่น ต้นตำรับจากญี่ปุ่น

• แหล่งอุปกรณ์และวัตถุดิบราคาถูกมีคุณภาพ

รับประกันการเรียนการสอน ผู้เรียนสามารถทำได้ 100% ถ้าเรียนแล้วไม่เข้าใจโทรมาถามได้ตลอด โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น แน่นอนและสูตรที่นำมาสอนไม่เหมือนกับสูตรที่ขายตามรถเข็นทั่ว ๆ ไปแต่เป็นสูตรต้นตำรับดั้งเดิมจากญี่ปุ่น การทำทาโกยากิให้เหมือนต้นตำรับนั้นทำได้ยากหากไม่ได้รับการสอนที่ถูกต้องและผู้สอนที่ชำนาญพอเรามั่นใจในสูตรและเทคนิคในการสอน จึงเน้นย้ำอยู่ตลอดว่าของเราไม่เหมือนสูตรที่ขายตามรถเข็นข้างทางแน่นอน (เหมือนตามภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นต่าง ๆ)
 

เครปญี่ปุ่น (Japanese Crepe)

เป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศส ถึงแม้ว่า เครป จะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศส และได้ถูกนำมาเผยแพร่ในญี่ปุ่นก็จริง แต่ก็ถูกอิทธิพล วัฒนธรรมการกินของคนญี่ปุ่น เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพดินฟ้าอากาศ และวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นอีกด้วย ดังนั้นจึงได้มีการประยุกต์ดัดแปลงรสชาตและรูปแบบจากของแท้ดั้งเดิมไปบ้าง เพื่อให้ถูกปาก และเข้ากับรสนิยมการรับประทานของคนญี่ปุ่น

เครปในญี่ปุ่น มีมานานแล้ว แต่จะขายอยู่ตามร้านเบเกอรี่และภัตตาคารของโรงแรมเท่านั้น จนกระทั่งปี ค.ศ. 1976 ในย่านฮาราจุกุ (Harajuku) ร้านคาเฟ่เครป ก็ได้เปิดตัวขึ้น พร้อมกับการสร้างสีสรรความแปลกใหม่ให้ผู้คน ด้วยเป็นร้านแรกที่ริเริ่ม โดยการใช้รถเข็น ตามแบบของฝรั่งเศส นำมาขายริมถนน ในย่านที่มีผู้คนสัญจรไปมา แรกเริ่มทีเดียวของเครปแบบนี้ ไม่มีไส้ แบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้ มีเพียงแผ่นแป้งเครปที่ทอดหนากว่าทุกวันนี้ แล้วก็พับเกือบครึ่ง พรมด้วยเหล้ารัม (Light rum หรือ Dark rum) ที่ผสมน้ำเชื่อม (Syrup) ปรุงแต่งกลิ่นด้วยผงอบเชย นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นสมัยนั้นทีเดียว แต่เพราะเครปแบบนี้ (ในสมัยนั้น) นิยมทานกันตอนอุ่น ๆ ซึ่งเหมาะกับช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น พอเข้าฤดูร้อนยอดขายก็ตก ทำให้ทางร้านต้องหาวิถีทางดัดแปลง เพื่อทำให้สามารถขายเครปได้ตลอดทั้งปี

ทำให้เครปได้เข้ามาใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลามากขึ้น ต่อมาในปี 1977 ที่ แบบที่เราเห็นและมีหลากหลายไส้ (ที่ใส่ไว้ด้านใน) ให้เลือกทานตามความชอบ ซึ่งทำให้เข้ากันได้ดี กับแผ่นแป้งเครป ที่ทอดเป็นแผ่นบาง ๆ ค่อนข้างนิ่ม สามารถทำเป็นได้ทั้งของหวาน และ ของว่างยามบ่าย