เซ็นได (ญี่ปุ่น: 仙台市 Sendai-shi ?) เป็นเมืองเอกของจังหวัดมิยะงิ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองใหญ่สุดในภาคโทโฮะกุ มีประชากรอาศัยอยู่ราวหนึ่งล้านคน และเป็นหนึ่งใน 19 เมืองที่กำหนดขึ้นโดยคำสั่งของรัฐบาลญี่ปุ่น เซ็นไดก่อตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1600 โดยไดเมียวดาเตะ มะซะมุเนะ และเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา "เมืองแห่งต้นไม้" (杜の都) โดยมีต้นเซลโคว่าราว 60 ต้น บนถนนโจเซนจิ (定禅寺通) และถนนอาโอบะ (青葉通)
ในฤดูร้อน มีการจัดเทศกาลทะนะบะตะเซ็นได ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ในฤดูหนาว ต้นไม้จะได้รับการตกแต่งด้วยแสงสว่างนับพันในงานเทศกาลที่เรียกว่า Pageant of Starlight (光のページェント) เกือบตลอดเดือนธันวาคม
วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 เมืองและพื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 9.0-9.1 โมเมนต์แมกนิจูดนอกชายฝั่ง และคลื่นสึนามิสูง 10 เมตรซึ่งพัดเข้าถล่มเมือง เป็นที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้เสียชีวิตนับหลายพันคน แต่เป็นการยากที่จะประมาณการเนื่องจากชัดเจนว่ามีร่างจำนวนมากถูกพัดพาลงไปในมหาสมุทรแปซิฟิก
นครเซนไดซึ่งมีประชากรกว่าล้านคนอยู่อาศัยนี้เป็นศูนย์กลางหน่วยงานปกครองและเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือที่เรียกว่าโทโฮะขุของญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าเซนไดจะเป็นเมืองใหญ่และทันสมัย แต่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆของเมืองได้ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติอย่างได้สมดุลย์ หลายๆแห่งในเมืองมีทัศนียภาพงดงามชวนให้ต้องหยุดมอง เช่นทิวทัศน์น้ำใสไหลรินของแม่น้ำฮิโระเซะ หรือต้นเคยะขิที่ชอุ่มเขียวเป็นแนวตลอดสายถนน ความเขียวขจีของแมกไม้ในเมืองนี้เองที่ทำให้เซนไดได้สมญาว่าเป็น “เมืองแห่งต้นไม้ (โมริ โนะ มิยะโขะ)”
เมืองเซนได เป็นเมืองที่มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงแม้ว่า เซนไดจะเป็นเมืองใหญ่และทันสมัย แต่ความก้าวหน้าในด้านต่างๆของเมืองได้ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างได้สมดุล แม่น้ำฮิโรเซะที่ไหลผ่านกลาง เมืองเซนได และ ต้นเคยะขิที่เขียวชอุ่มเป็นแนวตลอดถนน เป็นทิวทัศน์ที่สวยงามที่น่าสนใจ ถนนที่มีต้นไม้เรียงราย และ สวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่เต็มไปด้วยสีเขียว ทำให้เซนไดได้สมญาว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้
เนื่องจากเซนไดมีมหาวิทยาลัยเป็นจำนวนมากจนเป็นที่รู้จักในนาม เมืองแห่งมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของเซนไดได้มีส่วนร่วม ในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงตลอดมา
เซนไดยังให้ความสำคัญในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น เทศกาลทานาบาตะเซนได และประเพณีดั้งเดิมต่างๆ ก็ยังคงมีมาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดการแข่งขันดนตรีนานาชาติเซนได เทศกาลดนตรีแจ๊สบนถนนโจเซนจิ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่นๆอีกมากมาย เป็นเมืองที่ทันสมัยที่ไม่ทอดทิ้ง ความงามของธรรมชาติและประเพณีดั้งเดิม ขอเชิญชวนให้มาเที่ยวเซนได
เซนไดอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 300 กิโลเมตร (180 ไมล์) ไปทางทิศเหนือ ,ตั้งอยู่ในเกาะฮอนชู (เกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น) ทางฝั่ง มหาสมุทรแปซิฟิก เป็นหนึ่งในเจ็ดของเมืองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในใจกลางของภูมิภาคโทโฮะขุ การไปเซนได สามารถนั่งรถไฟชินกังเซนสายโทโฮะชุจากโตเกียว โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที และ เซนไดยังมีเที่ยวบินขาเข้าและขาออก จากสนามบินในประเทศ และ ระหว่างประเทศที่สำคัญเป็นประจำ
เซนไดตั้งอยู่บนเส้นรุ้งเดียวกับวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา และเอเธนส์ของกรีก เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ของญี่ปุ่นแล้ว เซนไดเป็นเมืองที่มีอากาศอบอุ่น ไม่หนาวจัดและน่าอยู่อาศัย มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 12.1 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนต่อปี 1,241.8 มม.สำหรับเดือนสิงหาคมที่ร้อนที่สุด มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 24.1 องศาเซลเซียส, อุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนมกราคมที่หนาวที่สุด คือ 1.5 องศาเซลเซียส สามารถเพลิดเพลิน ไปกับสี่ฤดูกาลที่สวยงามของเซนได โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และ ทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะในฤดูหนาว สามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามได้ทั้งจากใจกลางเมืองและภูเขา
เซนไดเป็นเมืองที่ทันสมัยที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ถูกล้อมรอบด้วยธรรมชาติที่สวยงาม โดยทางทิศตะวันตกมีเทือกเขาโออุ ทิศตะวันออกมีมหาสมุทร แปซิฟิก ส่วนทางทิศเหนือและใต้ เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่ผลิตข้าวที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น มีสวนสาธารณะและต้นเคยะขิมากมาย มีแม่น้ำฮิโรเซะที่ใสไหลริน ผ่านกลางเมือง ด้านฝั่งฮิโรเซะเป็นที่รู้จักกันว่ามีแม่น้ำที่มีน้ำใสสะอาดไหลผ่าน และมีปลาอายุที่จะอาศัยอยู่เฉพาะในน้ำที่ใสสะอาดเท่านั้น ว่ายทวน กระแสน้ำขึ้นมาอาศัยอยู่ในแม่น้ำสายนี้